สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ชัยนาท นำโดยนางสาวอุบลศรี หอพัตราภรณ์ หัวหน้าสำนักงานตรวจบัญชี สหกรณ์ชัยนาท และข้าราชการ พนักงานราชการ จัดงานสัมนาครูบัญชีจังหวัดชัยนาท ประจำปี 2552 ณ ห้องประชุม สหกรณ์การเกษตรเมืองชัยนาท จำกัด เมื่อวันที่ 20 -21 พฤษภาคม 2552 โดยการสัมนาครูบัญชีในครั้งนี้ได้เชิญ ครูบัญชี ทุกคนจากแต่ละตำบล ในจังหวัดชัยนาท จำนวน 230 คน มาประชุมเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และรับฟังประสบการณ์ การดำเนินการ เส้นทางของครูบัญชี จากวิทยากรรับเชิญ นำโดย นายกฤษฎา สุภรศิริวรกุล ประธานชมรมครูบัญชีจังหวัดชัยนาท นายนิพนธ์ กาวี รองประธานชมรมครูบัญชีจังหวัด ชัยนาท นางวรรณา เพ็ชรอำไพ เกษตรกรที่ประสบณ์ความสำเร็จจากการทำบัญชีรับ - จ่ายในครัวเรือน และ นายจำรัส จันทน์ชูผล เจ้าพนักงานส่งเสริมสหกรณ์ชำนาญงาน สำนักงานสหกรณ์จังหวัดชัยนาท พิธีกรรับเชิญพิเศษ
จุดประสงค์ในการจัดสัมนาครูบัญชี ในครั้งนี้ เพื่อให้ผู้เข้าเสวนาได้แลกเปลี่ยนความรู้ในการจัดทำบัญชี รับ-จ่ายในครัวเรือน และบัญชีต้นทุนประกอบอาชีพ เพื่อนำไปใช้ในการสอนแนะให้แก่เกษตรกรที่เป็นเครือข่าย เพื่อ ให้เป็นผู้แทนของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ในระดับตำบลทั่วประเทศ ในการกระตุ้นการเรียนรู้และติดตามประเมินผลแก่ บุคคลที่อยู่ในสถาบันเกษตรกร สถาบันการศึกษา และบุคคลทั่วไป ตลอดจนเพื่อให้ทำหน้าที่ติดตามประเมินผลและ รวบรวมผลการบันทึกบัญชีเป็นรายบุคคล เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการพัฒนาการต่อยอดการเรียนรู้ให้ทราบถึงต้นทุน ประกอบอาชีพได้ ในการเสวนาในครั้งนี้ กำนันกฤษฎา สุภรศิริวรกุล ได้กล่าวถึงหน้าที่ของ ครูบัญชี ว่า " หน้าที่ของครูบัญชี นั้น คือ สอนแนะให้ชาวบ้าน เห็นคุณค่าของการทำบัญชี เราที่เป็นครูบัญชีต้องทำตัวอย่างให้เขาดู ยกตัวอย่างเช่น เรา จะสอนให้คนอื่น เลิกเหล้าเพราะมันเป็นสิ่งไม่ดี ให้เลิกซะ แต่ คนสอนกลับปฏิบัติตัว ตกเย็นก็ยังไปกินเหล้าอยู่ ถ้า ผู้สอนปฏิบัติตัวอย่างนี้ก็ไม่มี ใครเชื่อ จะเป็นข้ออ้างว่า ในเมื่อตนเองยังทำไม่ได้แล้วจะไปสอนคนอื่นได้อย่างไร เหมือน กัน กับการทำบัญชี ครูบัญชีต้องทำบัญชีด้วย และปฏิบัติตนให้เป็นที่หน้าเชื่อถือ ซึ่งตรงนี้ก็แล้วแต่เทคนิคของแต่ละคน" ในตอนท้าย กำนันกฤษฎา ได้ให้ข้อคิดในการสอนชาวบ้าน ถ้าปฎิบัติ ทั้ง 9 อย่า หมู่บ้านนั้นสงบสุข ว่า " อย่าเอาต้นกล้วยมาทำเสา อย่าเอาระเบิดมาเหน็บพก อย่าเอาครกมาตำสาก อย่าเอาปากมาอมหอก อย่าเอาน้ำกรอกกระบอกปืน อย่ายืนขวางทางขบวน อย่ากวนน้ำให้ขุ่น อย่าเป่าฝุ่นทวนลม อย่าถ่มน้ำลายรดฟ้า "
ซึ่งหมายถึง * การจะทำอะไรก็แล้วแต่ให้รู้จักคิดให้รอบครอบ ประเมินความสามารถของตนเอง ไม่เอาตนเองเป็นที่ตั้ง คิดอะไรได้ก็ทำ โดยไม่สนใจ ถึงผลที่ตามมาในภายหลัง ว่ามีประโยชน์หรือโทษมากน้อยเพียงไร ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ตนเองตั้งหากที่ได้ผลเสียจากการกระทำของตนเอง
ต่อมา สารวัตรกำนัน นายนิพนธ์ กาวี รองประธานชมรมครูบัญชีจังหวัดชัยนาท ผู้ที่ใช้ประโยชน์ของบัญชี พัฒนาชุมชน ผ่านศูนย์เรียนรู้ชุมชนวัดอรุณศิริวัฒนาราม จนได้รับรางวัลต่างๆมากมาย อาธิ เช่น โล่ห์รางวัลสิงห์ทอง ผู้นำเครือข่ายพัฒนาชุมชนดีเด่น ประจำปี 2551 เป็นต้น ได้ขึ้นกล่าวถึงจุดเริ่มต้นที่ก่อตั้งศูนย์เรียนรู้ โดยนำความรู้ จากการทำบัญชีมาประกอบด้วย " การสอนแนะให้ชาวบ้านรู้จักการออม ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งการที่เราจะออม ได้นั้น ต้องให้ชาวบ้านรู้จักกับบัญชี สามารถลงบัญชีรับ - จ่าย ได้ถูกต้อง ถ้าชาวบ้านสามารถทำได้ ชาวบ้านก็จะรู้จัก การออม เมื่อมีการออม เกิดขึ้น สิ่งอื่นๆที่ดีๆก็จะตามมา ดังตัวอย่างเกษตรกรที่ประสบณ์ความสำเร็จจากการนำบัญชี ไปประกอบอาชีพ อย่างคุณ วรรณา เพ็ชรอำไพ เกษตรกรต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียงดีเด่นประจำปี 2550 "
ช่วงท้ายของการสัมนาครูบัญชีจังหวัดชัยนาท สารวัตรกำนัน ได้อ่านบทกลอน ที่ประพันธ์ด้วยตนเองและ ได้ตีพิมพ์ลงท้ายเล่มสมุดครูบัญชี ที่ผลิตโดย กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ว่า
ครูบัญชีไม่มีเงินเดือนให้ ทำด้วยใจใฝ่ความคิดจิตอาสา
ทำด้วยจิตที่ตั้งใจเสมอมา สิ่งล้ำค่าที่ได้มาคือนำคน
ได้รู้รับรู้จ่ายใช่สอย มีเงินน้อยใช้เพียงน้อยไม่ขัดสน
ทำบัญชีครัวเรือนไว้เตือนใจตน ความยากจนจะหลุดพ้นเพราะบัญชี
ทำบัญชีครัวเรือนไว้เตือนจิต เป็นแนวคิดแนวทางไม่สร้างหนี้
ใช้เป็นแผนการรับ-จ่ายได้อย่างดี เรื่องบัญชีก็มีแค่นี้เอย
และท้ายที่สุดของงานหัวหน้าสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ชัยนาท นางสาวอุบลศรี หอพัตราภรณ์ ได้มอบเงินทุนดำเนินงาน จำนวน 5,000 บาทแก่ ชมรมครูบัญชีจังหวัดชัยนาท เพื่อเป็นทุนในการดำเนินงาน ของชมรมต่อไป |